อัปเดต 15 เครื่องมือ AI สร้างภาพ และเทรนด์การออกแบบ 2025

อัปเดต 15 เครื่องมือ AI สร้างภาพ และ 6 เทรนด์การออกแบบ 2025 ที่นักออกแบบต้องรู้

ในโอกาสครบรอบ 15 ปีของ iDEA EXPERT เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการการตลาดดิจิทัลและการออกแบบในประเทศไทย จากจุดเริ่มต้นของบริษัทในปี 2010 จนถึงปัจจุบัน เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโลกการออกแบบและการตลาดไปสู่ยุคที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญนี้ iDEA EXPERT ได้รวบรวม 15 เครื่องมือ AI และ 6 เทรนด์การออกแบบปี 2025 ที่จะช่วยให้คุณพร้อมต่อยอดความสำเร็จในตลาด



15 เครื่องมือ AI ที่โดดเด่นเรื่องการสร้างภาพ

 

15 เครื่องมือ AI ที่คุณต้องรู้

กลุ่ม 1: โดดเด่นเรื่องสร้างภาพ

เครื่องมือเหล่านี้เหมาะสำหรับนักออกแบบที่ต้องการสร้างภาพคุณภาพสูง ด้วยฟีเจอร์หลากหลายและการใช้งานที่ง่าย

 

1. Midjourney

  • ความโดดเด่น: การสร้างภาพที่สวยงามและมีจินตนาการสูง
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับสร้างงานศิลปะที่ต้องการรายละเอียดสูงและภาพในจินตนาการ
 

2. Adobe Firefly

  • ความโดดเด่น: ทำงานร่วมกับ Adobe Creative Cloud ได้อย่างราบรื่น
  • การใช้งาน: ใช้สร้างภาพใหม่หรือปรับแต่งภาพที่มีอยู่ เช่น การขยายภาพและเติมองค์ประกอบ
 

3. Magnific AI

  • ความโดดเด่น: ปรับปรุงคุณภาพของภาพให้มีรายละเอียดและความคมชัดสูง
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการฟื้นฟูภาพเก่าหรือปรับภาพถ่ายให้มีคุณภาพสูงขึ้น
 

4. Recraft

  • ความโดดเด่น: การสร้างภาพเวกเตอร์คุณภาพสูง
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานออกแบบโลโก้หรือภาพประกอบที่ต้องการความคมชัด
 

5. Vizkom

  • ความโดดเด่น: การแปลงภาพสเก็ตช์ให้เป็นภาพ 3 มิติ
  • การใช้งาน: ใช้ในงานออกแบบผลิตภัณฑ์ เช่น การพัฒนาต้นแบบ
 

6. Visual Electric

  • ความโดดเด่น: การทำงานร่วมกันแบบทีมบนพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการแชร์ไอเดียและแก้ไขร่วมกัน
 

7. Ideogram

  • ความโดดเด่น: การสร้างข้อความและการเติมหรือขยายภาพ
  • การใช้งาน: ใช้สำหรับการออกแบบโปสเตอร์หรือโฆษณาที่เน้นตัวอักษร
 

8. KREA

  • ความโดดเด่น: การสร้างโมเดล AI ที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการ
  • การใช้งาน: ใช้สำหรับการสร้างภาพที่ต้องการความเฉพาะเจาะจงสูง
 

9. Flair AI

  • ความโดดเด่น: สร้างภาพถ่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องการภาพสินค้าที่ดูมืออาชีพ
 

10. Blendbox

  • ความโดดเด่น: การผสานภาพหลายภาพเข้าด้วยกัน
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับสร้างงานศิลปะที่ต้องการความหลากหลายในองค์ประกอบ
 

กลุ่ม 2: สร้างวิดีโอสุดคูลได้ด้วย

เครื่องมือที่เหมาะสำหรับการสร้างวิดีโอระดับมืออาชีพและคอนเทนต์ที่มีความครีเอทีฟ

 

11. Runway

  • ความโดดเด่น: ผู้นำด้านการสร้างวิดีโอ AI
  • การใช้งาน: ใช้สร้างโลกเสมือนจริงและภาพนิ่งสำหรับวิดีโอโปรโมท
 

12. Hailuoai

  • ความโดดเด่น: เครื่องมือที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างวิดีโอด้วย AI
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการผลิตวิดีโอที่ต้องการความรวดเร็ว
 

13. Freepik

  • ความโดดเด่น: มีฟังก์ชันสร้างภาพหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการแปลงภาพสเก็ตช์เป็นภาพ
  • การใช้งาน: ไม่เพียงสร้างภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างวิดีโอเพื่อใช้งานในแคมเปญโปรโมทได้
 

กลุ่ม 3: ตัวช่วยสุดเจ๋ง

เครื่องมือสนับสนุนการทำงานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลา

 

14. ChatGPT

  • ความโดดเด่น: ช่วยเขียนสคริปต์และวิจารณ์ผลงาน
  • การใช้งาน: ใช้เป็นผู้ช่วยเขียนคำบรรยายสำหรับงานออกแบบ
 

15. Wand

  • ความโดดเด่น: เครื่องมือวาดภาพบน iPad
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับนักวาดภาพที่ต้องการความคล่องตัว


อัปเดต 6 เทรนด์การออกแบบปี 2025

 

อัปเดต 6 เทรนด์การออกแบบปี 2025

ในปี 2025 การออกแบบไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างความสวยงาม แต่เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความประทับใจและเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักออกแบบจึงต้องก้าวทันและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการใหม่ๆ ของตลาด เราขอนำเสนอ 6 เทรนด์การออกแบบปี 2025 ที่นักออกแบบทุกคนควรรู้ พร้อมตัวอย่างและแนวทางการนำไปใช้

 

1. AI-Driven Design (การออกแบบขับเคลื่อนด้วย AI)

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรม และการออกแบบก็ไม่เว้น การใช้ AI ในการออกแบบช่วยให้นักออกแบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้ สร้างคอนเทนต์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และปรับแต่งรายละเอียดได้อย่างแม่นยำ

 

รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • การใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรม: AI สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ความสนใจ การเลื่อนดูคอนเทนต์ และการคลิก เพื่อช่วยปรับแต่งการออกแบบให้ตรงใจ
  • การสร้างคอนเทนต์โดยอัตโนมัติ: AI อย่าง Midjourney และ Adobe Firefly สามารถสร้างภาพ โลโก้ และวิดีโอได้อย่างรวดเร็ว
  • ข้อดี: ลดเวลาในการออกแบบ เพิ่มความแม่นยำ และช่วยให้ทีมสามารถเน้นที่การสร้างสรรค์เชิงกลยุทธ์
 

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • สร้างโลโก้สำหรับแคมเปญโฆษณาเฉพาะกลุ่ม
  • ใช้ AI ในการวางเลย์เอาต์สำหรับเว็บไซต์ที่ตอบสนองต่อการใช้งาน
  • วิเคราะห์ผลตอบรับแคมเปญและปรับเปลี่ยนดีไซน์แบบเรียลไทม์


Retro-Futurism เรโทร-ฟิวเจอร์ริสม์

 

2. Retro-Futurism (เรโทร-ฟิวเจอร์ริสม์)

Retro-Futurism เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์คลาสสิกในอดีตกับองค์ประกอบเทคโนโลยีล้ำสมัย เทรนด์นี้สร้างความรู้สึกคุ้นเคยและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

 

รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • การใช้สีและฟอนต์: ใช้สีพาสเทลหรือนีออนที่สดใส ร่วมกับฟอนต์วินเทจ
  • การออกแบบที่เล่าเรื่อง: รวมสัญลักษณ์และองค์ประกอบจากยุค 80s หรือ 90s เข้ากับดีไซน์เทคโนโลยี
  • ข้อดี: ช่วยสร้างเอกลักษณ์และทำให้แบรนด์โดดเด่น
 

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • ออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้กราฟิกเรโทร แต่มีการจัดวางโมเดิร์น
  • ใช้ฟอนต์และองค์ประกอบย้อนยุคในแคมเปญโฆษณาเพื่อสร้างความแตกต่าง
  • ออกแบบอินโฟกราฟิกที่มีสไตล์ล้ำสมัยแต่เล่าเรื่องด้วยแนวทางเรโทร


Immersive 3D Elements องค์ประกอบ 3D สมจริง

 

3. Immersive 3D Elements (องค์ประกอบ 3D สมจริง)

การใช้กราฟิก 3D ในการออกแบบช่วยเพิ่มมิติและความสมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์

 

รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • ความสำคัญของ 3D: เทรนด์นี้เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ เช่น การแสดงสินค้าในรูปแบบ 3D
  • เครื่องมือที่ใช้: Blender, Vizkom และ Adobe Dimension
  • ข้อดี: เพิ่มความน่าสนใจและช่วยให้ข้อมูลที่ซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น
 

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • ใช้ 3D โมเดลในการแสดงสินค้าในร้านค้าออนไลน์
  • เพิ่มภาพเคลื่อนไหว 3D บนเว็บไซต์เพื่อสร้างความประทับใจ
  • ใช้กราฟิก 3D ในวิดีโอแนะนำผลิตภัณฑ์


Dark Mode with Neon Accents โหมดมืดพร้อมแสงนีออน

 

4. Dark Mode with Neon Accents (โหมดมืดพร้อมแสงนีออน)

โหมดมืด (Dark Mode) ยังคงเป็นเทรนด์ยอดนิยมในปี 2025 แต่ถูกพัฒนาให้มีแสงนีออนเข้ามาเพิ่มความโดดเด่นและสร้างความทันสมัย

 

รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • การใช้สี: เน้นพื้นหลังสีดำหรือเทาเข้ม ร่วมกับไฮไลต์สีสด เช่น สีชมพูนีออนหรือสีฟ้าไฟฟ้า
  • ประโยชน์ของโหมดมืด: ลดการใช้พลังงานและเพิ่มความสบายตา
  • ข้อดี: สร้างภาพลักษณ์ล้ำยุคและน่าดึงดูด
 

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • ออกแบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันในโหมดมืด
  • ใช้กราฟิกที่มีแสงนีออนในแคมเปญโปรโมท
  • เพิ่มไฮไลต์นีออนบนปกวิดีโอหรือโปสเตอร์


Minimalism with Bold Typography มินิมอลพร้อมตัวอักษรเด่น

 

5. Minimalism with Bold Typography (มินิมอลพร้อมตัวอักษรเด่น)

การออกแบบที่เรียบง่ายแต่เน้นตัวอักษรใหญ่และชัดเจนช่วยสื่อสารข้อความได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • การใช้พื้นที่ว่าง: การเว้นพื้นที่ว่างรอบตัวอักษรเพื่อเพิ่มจุดสนใจ
  • การเลือกฟอนต์: ใช้ฟอนต์ที่อ่านง่ายและมีเอกลักษณ์
  • ข้อดี: ช่วยให้ข้อความสื่อสารได้ตรงประเด็นและดูทันสมัย
 

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • ออกแบบแบนเนอร์ที่เน้นหัวข้อโปรโมทด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่
  • ใช้ Typography เด่นในอินโฟกราฟิก
  • ทำให้โฆษณาออนไลน์ดูน่าสนใจด้วยข้อความที่กระชับและชัดเจน


Gradients and Iridescent Effects การไล่สีและเอฟเฟกต์เหลือบแสง

 

6. Gradients and Iridescent Effects (การไล่สีและเอฟเฟกต์เหลือบแสง)

การไล่สีและเอฟเฟกต์เหลือบแสงให้ความรู้สึกโมเดิร์นและดึงดูดสายตา เหมาะสำหรับการออกแบบที่ต้องการความหรูหรา

 

รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • การใช้สี: การไล่เฉดสีพาสเทลหรือนีออนร่วมกับเอฟเฟกต์สะท้อนแสง
  • การสร้างมิติ: ทำให้ภาพดูมีความลึกและน่าสนใจ
  • ข้อดี: ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์
 

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • ออกแบบโลโก้หรือแบนเนอร์ที่ใช้การไล่สี
  • ใช้เอฟเฟกต์เหลือบแสงในภาพกราฟิกสำหรับโซเชียลมีเดีย
  • สร้างคอนเทนต์ที่ดูสดใหม่และทันสมัย

ในปี 2025 การออกแบบจะเป็นมากกว่าความสวยงาม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงแบรนด์และผู้บริโภค iDEA EXPERT มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัล



สนใจบริการหรือข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่

https://onlinemarketing.ideaexpert.co.th
Inbox: m.me/ideaexpert

We use cookies to ensure we give you the best experience on our website. By using our website, you agree to our policies. Privacy Policy Accept
x